american pie 7 ดูหนังออนไลน์ฟรี หนังชนโรง หนังเต็มเรื่อง HD

american pie 7 

american pie 7  สำหรับเนื้อหานี้พวกเราขอนำเสนอหนังเก่าในตำนานอย่าง American Pie ซึ่งมั่นใจว่าสำหรับคนสมัย 2000 ต้นๆนั้นรู้จักกันอย่างดีเยี่ยม ด้วยรายละเอียดของหนังที่สุดป่วนปั่น พร้อมเรื่องราวแสนทะลึ่งตึงตัง ที่มาพร้อมความขบขันขับขัน ก็เลยทำให้หนังหัวข้อนี้มีภาคหลัก รวมทั้งภาคแยกรวมกันสูงถึง 8 ภาคร่วมกัน ซึ่งสำหรับคนไหนกันแน่ที่ยังไม่เคยรับดูหนังสุดปั่นป่วนประเด็นนี้ พวกเราขอเล่าราวโดยสรุปของภาคแรกที่สร้างชื่อให้กับ American Pie ให้ฟังก่อน

โดยเรื่องราวของหนังนั้นเริ่มที่ หนุ่มไฮสคูลนาม จิม ที่ในในช่วงเวลานี้ถึงแม้ จิม จะเรียนใกล้จบไฮสคูลแล้ว แต่ว่าเขากลับยังเวอร์จิ้นอยุ่เลย ทำให้เขานั้นเริ่มเป้าหมายที่จะแอ้มสาวให้ได้ก่อนปิดภาคการศึกษา เรื่องราวแสนตลกขบขัน สุดปั่นป่วน ที่มาพร้อมความลามกของเด็กวัยหนุ่มคนอเมริกันก็เลยเริ่มขึ้น พูดได้ว่าเป็นหนังที่ทำให้ผู้ชมนั้นเครียดน้อยลงก้าวหน้าเลยที่เดียว รวมทั้งด้วยกระแสตอบรับที่ดีเลิศของหนังแนวจัญไรชวนขัน สุดป่วนใจหัวข้อนี้ ก็เลยทำให้ผู้ผลิตได้สร้างอีกทั้งภาคต่อ แล้วก็ภาคแยกรวมได้ถึง 8 ภาคร่วมกัน ซึ่งพวกเราได้สะสมมาไว้ สำหรับนักอ่านท่านใดที่ไม่เคยมอง บอกเลยว่าท่านไม่สมควรพลาดหนังหัวข้อนี้ด้วยประการทั้งปวง

 

american pie 7 

american pie 7  หนังเต็มเรื่อง HD 

สำหรับภาคหลักของหนังเรื่อง American Pie นั้นถูกปลดปล่อยมาในปี 1999 และก็ได้มีภาคต่อจากภาคหลักออกมาอีก 3 ภาคเป็น American Pie 2 (2001) , American Wedding (2003) , American Reunion (2012) ซึ่งในระหว่างภาคที่ 3 และก็ 4 นั้นผู้ผลิตได้ทำหนัง ภาคแยก ออกมาอีก 4 เรื่องเป็น American Pie Presents Band Camp (2005) , American Pie Presents The Naked Mile (2006) , American Pie Presents Beta House (2007) , American Pie Presents The Book of Love (2009) โดยที่ภาคหลักของหนังหัวข้อนี้ได้ถูกนำฉายในโรงหนังทั่วๆไป แต่ว่าภาคแยกนั้นด้วยความสุดป่วนปั่นของหนังที่มีฉากสุดเอ็กซ์ ก็เลยทำให้มิได้เข้าฉายในโรงหนังนั่นเอง แต่ว่าโปรดักชั่นและก็ประสิทธิภาพนั้นยังครบสมบูรณ์ราวกับภาคหลักแน่ๆ แล้วก็นี้เป็นภาคหลักและก็ภาคแยกทั้งหมดทั้งปวงของหนังในตำนานอย่าง American Pie

Run Rabbit Run” ทุกนาทีเบาๆเพิ่มบรรยากาศหลอน ถ้าหากหนีได้..ต้องหนีไปภายหลังที่เคยเปิดตัวฉายเมื่อเทศกาลหนังซันแดนซ์ ตอนต้นปีที่ล่วงเลยไป นี่เป็นหนังลึกลับสยองขวัญที่เบาๆกดดันอารมณ์หลอนของผู้ชมมากเพิ่มขึ้นทุกๆหน “Run Rabbit Run” หนังจากประเทศออสเตรเลียที่จะพาผู้ชมถลำลึกไปกับรอยแผลเป็นที่เบาๆชัดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆผ่านนักแสดงแม่ลูกแล้วก็สิ่งพิศดารที่ไม่สามารถที่จะชี้แจงออกมาได้ชัดๆกล่าวได้ว่า..ถ้าหากหนีได้ก็หนีไปเสีย Run Rabbit Run กล่าวถึงเรื่องราวของ ซาราห์ แพทย์หญิงผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการผสมพันธุ์แล้วก็เจริญพันธุ์ คุณมีความสามารถอย่างครบถ้วนเกี่ยวกับวัฏจักรของชีวิต จนกว่าคุณถูกคาดคั้นให้จำต้องความรู้เรื่องความประพฤติพิลึกที่มากขึ้นเรื่อยของ มีอา บุตรสาวตัวน้อยของคุณ ทำให้คุณเลือกที่จะท้าความศรัทธารวมทั้งเจอหน้ากับจิตวิญญาณจากในอดีตกาลของตนเองที่พ้นผ่านมา

นี่เป็นผลงานของผู้กำกับหญิงเก่ง “ไดอาน่า รี้ด” ที่เคยดูแลซีรีส์ดังๆมาแล้วหลายเรื่อง  american pie 7  จากบทหนังของ “ฮานที่นาห์ เคนท์” ที่พึ่งหยั่งดูท่าทีเขียนบทหนังหัวข้อนี้เกิดเรื่องแรก น่าจะจะต้องบอกตรงๆว่า Run Rabbit Run เป็นหนังที่วางคอนเซ็ปต์หนังไว้ได้ค่อนข้างจะน่าดึงดูดดี ทั้งยังเงื่อนนักแสดงและก็ภูมิหลังลึกลับต่างๆที่ซ่อนเอาไว้ เป็นเครื่องหมายที่น่าดึงดูด เพียงแต่ว่าหนังออกจะล้มเหลวสำหรับในการเล่าให้ออกมาได้น่าดึงดูด หนังมีกลิ่นความเป็นหนังลึกลับ หนังผี หรือบางครั้งอาจจะเป็นหนังจิตวิทยา แม้กระนั้นยังไม่สามารถที่จะกระเทาะเปลือกออกมาได้อย่างเห็นได้ชัด การเล่าเรื่องของหนังไม่ใช่แนวทางของหนังแมสทั่วๆไป

เพราะเหตุว่าหนังปรักปรำเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวแล้วก็มีความอินดี้อยู่ในนั้นก็ไม่น้อยเลย แต่ว่าด้วยเหตุว่าการลำดับเรื่องที่ผูกเอาได้ยังไม่ค่อยน่าดึงดูดสักเท่าไหร่ ทำให้หนังล่อใจความพอใจผู้ชมได้เพียงแค่ตอนแรกๆรวมทั้งปลดปล่อยเบลอตามใจไปเรื่อยไปจนถึงจบ “ซาราห์ สนุกสนาน” จะต้องมารับหน้าที่หามหนังทั้งยังเรื่องเอาไว้ตามลำพัง แม้กระนั้นด้วยเหตุว่าบทหนังรวมทั้งการเล่าเรื่องที่ไม่หนักแน่นพอเพียง ถึงแม้คุณจะให้การแสดงออกมาดีสักขนาดไหน ก็ยังไม่อาจจะช่วยประคองหนังประเด็นนี้เอาไว้ได้ เวลาที่ศิลปินเด็ก “ลิลลี่ ลาทอร์เร่” นับว่าเฉิดฉันไม่น้อย เป็นเจ้าตัวจิ๋วที่มาช่วยเติมแต่งเรื่องราวเจริญ การแสดงของคุณก็จัดว่าดีมากยิ่งกว่าที่คิดเอาไว้ เป็น 2 ดาราที่เล่นเข้าขากันก้าวหน้าในหนังประเด็นนี้เป็นส่วนมาก

 

american pie 7 

รีวิวหนัง Run Rabbit Run

ในบางครั้งพวกเราก็แอบมีความรู้สึกว่า Run Rabbit Run บางครั้งก็อาจจะต้องการดำเนินรอยตามหนังแนวๆนี้ที่เคยบรรลุเป้าหมาย อย่าง Babadook หรือ Hereditary หรือไม่ แม้กระนั้นอาจจำเป็นต้องกล่าวว่าหนังยังไม่สามารถที่จะถ่ายทอดได้เสมอกันกับหนังกลุ่มนี้ ถึงแม้พวกเราจะค่อนข้างจะการวางส่วนประกอบแล้วก็ส่วนประกอบสำหรับการสร้างบรรยากาศที่แสนวังเวงและก็อึมครึมของหนังก็ตาม แม้กระนั้นมันก็เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบนิดๆหน่อยๆที่ช่วยประคับประคองหนังทั้งยังเรื่องเอาไว้มิได้อยู่ดี หากว่าในส่วนท้ายของ Run Rabbit Run จะมาพร้อมกับผลสรุปที่ทิ้งไว้ให้ผู้ชมชักชวนตกตะลึง แม้กระนั้นโชคร้ายที่มันกลับยังไม่ใช่หนังที่น่าจำได้สักเท่าไหร่ในรูปภาพรวม แม้การแสดงของดาราหนังจะทำออกมาเจริญ แม้กระนั้นยังกระพร่องกระแพร่งสำหรับเพื่อการเรียกร้องความพอใจต่อผู้ชม บทหนังยังเต็มไปด้วยปริศนา การเล่าเรื่องยังไม่ค่อยเย้ายวนใจได้อย่างมาก แอบเสียดายที่หนังคงจะน่ากลัวได้ประทับใจมากยิ่งกว่านี้ เนื่องจากว่าท้ายที่สุดก็เป็นเพียงแค่หนังที่พวกเราจะเปิดมองผ่านไป แล้ว

Long Live Love! ทดลอง ลีฟ เลิฟว์ ถึงคิวภาพยนตร์ไทยที่จะพูดได้ว่ามีรสสัมผัสที่แปลกชอบกล american pie 7   เพราะเหตุว่ามองเห็นแค่นักนำแสดงก็น่าดึงดูดแล้ว เพียงภาพโดยรวมของหนังยังไม่ค่อยติดต่อให้ผู้ชมได้รู้เรื่องได้อย่างครบถ้วนสักเท่าไหร่ ว่ามันเป็นหนังชนิดไหน นี่เป็น “Long Live Love! ทดลอง ลีฟ เลิฟว์  ภาพยนตร์ไทยที่ข้อกำหนดเอาไว้ว่าเป็นหนังฮา-ม่า ที่ตลกโปกฮาขำปนน้ำตาหล่นได้ในหนังหัวข้อนี้ แล้วเมื่อได้ได้โอกาสมาพิสูจน์แล้วนั้น ก็ได้พบว่า Long Live Love! เกิดเรื่องราวความรักที่กระพร่องกระแพร่งของ สติ กับ เมตตา ที่ความข้องเกี่ยวมาถึงทางแยก แม้กระนั้นชะตากรรมเล่นตลก สติเกิดอุบัติเหตุทำให้ไม่มีความจำ มีเพียงแต่อย่างเดียวที่เขาสัมผัสได้ว่าการถ่ายภาพในลักษณะ Now & Then เป็นวิถีทางที่รื้อฟื้นความจำของเขาได้ ทำให้เขาได้กลับไปประจันหน้ากับเรื่องจริงก่อนหน้านี้ทั้งปวง รวมทั้งทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่เคยได้ทำเอาไว้กับลูกภรรยาเมื่อในสมัยก่อน

ยอมรับมาตรงๆเลยว่ามันควรมีคนไม่ใช่น้อยล่ะ ที่มองเห็น Long Live Love! ทีแรก นึกว่าเป็นเป็นหนังใหม่จากบริษัทหนังอารมณ์เบิกบานบริษัทหนัง ก็เนื่องจากมันช่างเชิญให้นึกถึงไปในทางนั้นจริงๆล่ะ แม้กระนั้นที่จริงแล้วนี่เป็นไม่ใช่หนังจากค่ายภาพยนตร์ เป็นหนังจากผู้ผลิตอิสระ และก็จำหน่ายโดยบริษัทหนังอีกค่าย แม้กระนั้นกลิ่นที่โชยออกมาให้รำลึกถึงนั้น ก็อาจจะเป็นด้วยเหตุว่าคณะทำงานและก็กลุ่มผู้แสดงที่ต่างก็เป็นนิสิตเก่าจากทางนั้นนั่นเอง มุก-ปิยะกานต์ ลูกยอดเยี่ยม” ผู้กำกับหญิงเก่ง ที่คุณเคยแจ้งเกิดขึ้นมาจากผลงานเฟรนไชส์ซีรีส์ เนื้อคู่ประตูต่อไป ที่แฟนคลับคงจะรู้จักดีกันอย่างดีเยี่ยม

มาคราวนี้คุณปลุกปั้นโปรเจกต์ด้วยการดูแลรวมทั้งร่วมเขียนบทหนังเองด้วย เปลี่ยนออกมาเป็นหนังที่ยังมีจังหวะและก็จังหวะ  igoal888  ทำนองสำหรับเพื่อการเล่าความรัก แต่ว่าในมุมมองที่ออกจะแสนร้ายแรงอยู่ไม่น้อย เป็นมุมรักที่ไม่ค่อยจะได้มองเห็นปรากฏอยู่ในภาพยนตร์ไทยสักเท่าไหร่ และก็นี่เป็นการผลิตความแปลกใหม่อยู่ไม่น้อย บางบุคคลบางทีอาจจะไม่เก็ทรวมทั้งตั้งแง่ว่า Long Live Love! ไม่ใช่หนังแมสไหม ก็ส่วนหนึ่งส่วนใดนั่นแหละ เนื่องจากว่าหนังก็ไม่เชิงว่าจะเป็นหนังแมสจ้ะๆที่เต็มไปด้วยจังหวะโบ๊ะบ๊ะและก็สูตรสำเร็จในภาพยนตร์ไทยธรรมดา แต่ว่า Long Live Love! เป็นการตีปัญหาให้ไม่เหมือนกันกับหนังรักของไทยเรื่องอื่นๆได้ในแนวทางที่น่าดึงดูด เต็มไปด้วยส่วนประกอบที่มีความยูนีก ความเซอร์ไพรส์ รวมทั้งความอินดี้ผสมๆอยู่ในหนังอยู่เสมอ

 

american pie 7 

Indiana Jones and the Dial of Destiny

“Indiana Jones and the Dial of Destiny อินเดียน่า โจนส์ กับวงล้อที่ชะตาชีวิต” ที่ถือได้ว่าเป็นการกลับมาอีกทีในรอบทศวรรษของผู้ชายนักผจญภัยในตำนาน ที่คราวนี้เสมือนจะกลับมาเพื่อสืบต่อให้ถึงจุดหมาย และก็บางครั้งก็อาจจะถึงเวลาที่เขาจำต้องโบกไม้โบกมือลาหน้าที่ ด้วยปัญหาที่ว่า “อยู่เพื่อผู้ใด..?” เปลี่ยนมาเป็นเดินทางครั้งใหม่ของชายผู้มีเสือกเคียงกาย เต็มหอมตลบอบอวลไปด้วยบรรยากาศเก่าๆหากว่ากลิ่นมันจะเริ่มจางลงๆบ้างและตาม Indiana Jones and the Dial of Destiny เล่าราวของ อินดี้ ที่ค้นพบว่าตนเองอยู่ในยุคสมัยใหม่และก็กำลังอยู่ในเส้นทางสู่การเกษียณอายุ เขาจำเป็นต้องพากเพียรหาทางปรับพฤติกรรมไปสู่โลกที่ใหญ่เกินกว่าเขาไปแล้ว แต่ว่าเมื่อซาตานตนเดิมกลับมาในลักษณะของตัวคู่ต่อสู้เก่า อินดี้ ก็เลยจะต้องกลับมาใส่หมวกแล้วก็ฟาดแส้ของเขาอีกที เพื่อแน่ใจว่าวัตถุโบราณอันทรงอำนาจจะมิได้ตกอยู่ในมือของคนพาล

สำหรับในหนังภาคนี้ “สตีเวน สปีลเบิร์ก” คนที่เริ่มสร้างตำนานมาตั้งแต่ต้น     american pie 7   มิได้กลับมารับหน้าที่นั่งอยู่ข้างหลังเลนส์กล้องถ่ายรูปอีกอย่างเคย (แต่ว่าไปเป็นผู้อำนวยการผลิตแทน) ได้กระทำส่งไม้ถัดมาให้ผู้กำกับยอดความสามารถประจำรุ่นปัจจุบันนี้อีกคน อย่าง “เจมส์ แมนโกลด์” มาวาดลวดลายแล้วก็เล่นเพลงการเสี่ยงภัยครั้งใหม่ออกมาได้อย่างมีแนวทางใหม่ๆเป้าหมายจะสร้างความแตกต่างให้กับแฟรนไชส์หนังชุดนี้ก็น่าจะจำเป็นต้องรับสารภาพอย่างไม่อ้อมค้อมว่า Indiana Jones and the Dial of Destiny ก็มีอีกทั้งมุมที่น่าประทับใจและก็มุมที่รู้สึกเฉยๆผสมปนเปกันไปตลอดการเผชิญภัยคราวนี้

ที่แน่ๆเลยก็คือเสน่ห์ความเป็นหนังอินดี้ ที่ออกจะเจือจางหายไปอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้ว่าตัวหนังจะพากเพียรมากมายๆที่จะดึงเสน่ห์อย่างนี้ที่บิดามดฮอลลิวูดเคยทำเอาไว้ แม้กระนั้นพวกเขาก็ยังไม่สามารถที่จะดึงนั่นเข้ามาได้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ มันเลยกลายเป็นหนังที่มีเสน่ห์ขาดๆเกินๆอย่างบอกผิด เจมส์ แมนโกลด์ ยังมาร่วมเขียนบทหนังร่วมกับกลุ่มชั้นยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น “เดวิด วัวเอพ” (จากหนังภาคที่แล้ว) แล้วก็ “จอห์น-เฮนรี่ บัตเตอร์เวิร์ธ” กับ “เจซ บัตเตอร์เวิร์ธ” (จาก Ford v Ferrari) แต่ว่าบทหนังและก็การขัดเกลาแนวทางของหนังยังค่อนข้างจะวนอยู่ในเซฟโซนเดิมๆของหนังเครือญาติอินดี้ ที่พวกเรามองเห็นถึงความเพียรพยายามที่จะสร้างความแปลกใหม่ ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้นยังออกจะใส่น้ำหนักที่ค่อยไปสักนิดสักหน่อย เป็นบทหนังที่ยึดสูตรสำเร็จมากจนเกินไปนิด จนกระทั่งพลอยทำให้เบื่อได้ง่ายไปด้วย